ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันที่ 2-3 ธันวาคมนี้ ที่หอประชุม 1 ชั้น 6 ตึกสภาคริสตจักรในประเทศไทย ถนนพญาไท

 
"ดร.ป๊อป" ฐาวรา สิริพิพัฒน์ - "น้องเปาะเปี๊ยะ" แพรกานต์ นิรันดร


สุวดี จงสถิตย์วัฒนา


ดร.กวาง โจว คิม

วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เวลา 15:30:57 น.  มติชนออนไลน์

ยูเนสโกตั้งเป้า 10 ปี ทุกคนบนโลกอ่านหนังสือออก เร่งระดมความคิดในงานบิ๊กสัมมนา 2-3 ธ.ค.นี้

ประชุมระดมสมอง "เปิดโลกการอ่านด้วยวรรณกรรมระดับโลก" รับกระแส"การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ" พร้อมแก้วิกฤติคนไทยไม่อ่านหนังสือ

"คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตล้วนแล้วแต่เป็น คนที่รักการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นบิล เกตส์, โอบามา หรือแม้แต่ ฮิตเลอร์  การอ่านทำให้เกิดความรู้และจินตนาการ การอ่านจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องปลูกฝังให้คนไทยรักการอ่านกันตั้งแต่ เด็กๆ" บางส่วนจากการให้สัมภาษณ์ของ "ดร.ป๊อป" ฐาวรา สิริพิพัฒน์ ผู้เขียน "เดอะ ไวท์โร้ด" หนังสือที่เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มเยาวชน


คำตอบของเขาสะท้อนให้เห็นความสำคัญของการอ่านว่ามีผลต่อชีวิตเป็นของ คนเราอย่างไร คนที่เกิดมาประสบความสำเร็จล้วนแล้วแต่มีเบื้องหลังเป็นพวกรักการอ่าน เป็นหนอนหนังสือกันทั้งนั้น แต่คนไทยกลับมีเกณฑ์การอ่านหนังสืออยู่ในขั้นต่ำ ตัวอย่างที่ดีได้แก่ สิงคโปร์ กับเวียดนาม เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีสถิติการอ่านหนังสือเฉลี่ยต่อปีมากกว่าเราอย่าง ถล่มทลาย (จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือ สสช. ปี 2551 พบว่าเด็กไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 5 เล่ม ในขณะที่สิงคโปร์และเวียดนาม มีสถิติการอ่านหนังสือปีละ 40-60 เล่มhttp://www.thaihealth.or.th/node/8685)

 

ในที่สุดรัฐบาลจึงตัดสินใจประกาศให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ ปี 2552 โดยรณงค์ให้ช่วง 10 ปีนับแต่นี้ไปคนไทยจะต้องอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น เรียกว่า "ทศวรรษแห่งการอ่าน"

 

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีนักเขียนระดับเซียนได้กล่าวถึงความสำคัญของการอ่าน ซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย "ดร.ป๊อป" ฐาวรา สิริพิพัฒน์ และ "น้องเปาะเปี๊ยะ" แพรกานต์ นิรันดร ผู้แต่ง "the mermaid apprentices หรือ ผจญภัยในแดนเงือก" กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การอ่านนั้นต้องได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เล็กๆ พ่อแม่มีส่วนสำคัญในการแนะนำให้อ่านหนังสือ การปลูกฝังนั้นไม่จำเป็นจะต้องให้อ่านหนังสือวิชาการ หรือแบบเรียน จะเป็นการ์ตูนหรือนิทานก็ได้ แต่ควรให้เด็กได้เลือกอ่านเองเพราะการรักการอ่านนั้นเกิดจากความรักใน หนังสือด้วย ส่วนหนังสือที่อยากจะแนะนำให้เด็กๆ อ่านควรจะเป็น หนังสือที่มีภาพประกอบ มีสีสัน อย่างเรื่องไดโนเสาร์ ด้านประโยชน์ของการอ่านหนังสือนั้นก็อย่างที่รู้กันคือช่วยในเรื่องของการ พัฒนาความคิด จินตนาการและทักษะภาษา


ด้านดร.กวาง โจว คิม ผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า ในฐานะที่ยูเนสโกเป็นองค์กรหลักขององค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ทำงานรณรงค์เรื่องการรู้หนังสือ มีเป้าหมายที่จะให้คนทั่วโลกรู้หนังสือภายในปี พ.ศ.2510 ยูเนสโกจึงได้ประกาศให้ปี พ.ศ.2546 - 2555 เป็นทศวรรษแห่งการรู้หนังสือ และภารกิจอีกอย่างของยูเนสโกคือ การแปลและเผยแพร่วรรณกรรมระดับโลกให้เป็นที่รู้จัก โดยเล็งเห็นว่าวรรณกรรมมีบทบาทสำคัญในการกระจายความรู้หนังสือ


ด้านนางสุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่า เร็วๆ นี้จะมีกิจกรรมดีๆ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านมากขึ้น โดยระหว่างระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคมนี้ ที่หอประชุม 1 ชั้น 6 ตึกสภาคริสตจักรในประเทศไทย ถนนพญาไทจะมีการประชุมระดมสมองและสัมมนาครั้งสำคัญแห่งปี ภายใต้ชื่อ "เปิดโลกการอ่านด้วยวรรณกรรมระดับโลก" ซึ่งบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด จับมือกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) บริติช เคานซิล สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพ และสถาบันเกอเธ่ ร่วมกันผลักดัน การจัดประชุมระดมความคิดครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นอันดีที่ทุกฝ่ายจะได้ ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ และตระหนักถึงบทบาทของแต่ละฝ่ายในการส่งเสริมการรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับ เยาวชนไทย


"ภายในงานประกอบด้วย 4 กิจกรรม คือ การประชุมระดมความคิดและการสัมมนาครั้งสำคัญ, แรลลี่ "สุดยอดไอเดียส่งเสริมการอ่าน", กิจกรรมสาธิต "การส่งเสริมการอ่านในสถานศึกษาและครอบครัว" และการแสดงหนังสือคุณภาพและจำหน่ายหนังสือมในราคาพิเศษจากสำนักพิมพ์ชั้นนำ" นางสุวดี กล่าว


ขณะที่ แคลร์ คีฟ ผู้อำนวยการสมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ อีกหนึ่งผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันให้เกิดการประชุมระดมสมองขึ้น กล่าวว่า ความสำคัญของงานนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการส่งเสริมให้เยาวชนอ่านหนังสือ


การอ่านเป็นการเปิดโลกทัศน์ มุมมองและแนวคิดใหม่ๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้โลกพัฒนาขึ้น ยังมีความรู้และเรื่องราวอีกมากมายเกิดขึ้นทั้งบนโลกและในหน้าหนังสือ รอเพียงแค่ให้มีใครซักคนมาอ่านมันเท่านั้น สิ่งดีๆในหนังสือนั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลือเพียงการปลูกฝังให้พวกเขารักที่จะกอบโกยเอาสิ่งเหล่านั้นเข้าไปเท่า นั้นเอง ตอนนี้มีโครงการดีๆ ที่จะช่วยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว จงอย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป มาช่วยกันคิด มาช่วยกันสร้าง มาช่วยกันปลูกฝังวัฒนธรรมการอ่านที่ดีให้กับเยาวชนไทย

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1258100858&grpid=01&catid=

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://www.healthstation.in.th/index1.html
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/
http://baankruaeed.wordpress.com/
http://ngaochan.hi5.com/
http://www.oknation.net/blog/subaltern
http://gotoknow.org/migrantworkers

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก